เมนู

การพิจารณาโทษในการไม่สำรวม 1, การพิจารณาอานิสงส์
ในการสำรวม 1, การพิจารณาความบริสุทธิ์ในการสำรวม 1, การ
พิจารณาความขาวสะอาดจากสังกิเลสในเพราะการสำรวม 1 ท่าน
สงเคราะห์ด้วยสีลมยญาณนั่นแล.

3. อรรถกถาสมาธิภาวนามยญาณุทเทส


ว่าด้วย สมาธิภาวนามยญาณ


คำว่า สํวริตฺว สมาทหเน ปญฺญา ความว่า ปัญญาของ
กุลบุตรผู้สำรวมด้วยสีลสังวรตามที่กล่าวไว้ในสีลมยญาณ แล้วทำการ
สำรวมตั้งอยู่ในศีลมีจิตตั้งไว้ด้วยดี กระทำจิตให้มีอารมณ์เป็นหนึ่ง ด้วย
สามารถแห่งอุปจารสมาธิและอัปปนาสมาธิ เป็นไปแล้วในสมาธิจิตนั้น
คือสัมปยุตกับด้วยสมาธิจิตนั้น. การวางไว้ ตั้งไว้ ด้วยดีโดยชอบ
ฉะนั้น จึงชื่อว่า สมาทหนํ - การตั้งไว้ด้วยดี, คำนี้ เป็นคำเรียก
สมาธิโดยปริยาย.
กุศลจิตเอกัคคตา ชื่อว่า สมาธิ ในคำนี้ว่า สมาธิภาวนา-
มเย ญาณํ
ชื่อว่า สมาธิ เพราะอรรถว่ากระไร ? ชื่อว่า สมาธิ
เพราะอรรถว่าตั้งมั่น ( สมาธานํ ). ชื่อว่า สมาธาน นี้อย่างไร ?

มีคำอธิบายว่า การวาง การตั้ง ซึ่งจิตและเจตสิกไว้ในอารมณ์เดียว
โดยชอบด้วยดี เพราะฉะนั้น จิตและเจตสิก ไม่ฟุ้งไป ไม่เกลื่อน
กล่น ตั้งอยู่โดยชอบด้วยดีในอารมณ์เดียว ด้วยอานุภาพแห่งธรรมใด,
คำที่กล่าวมาแล้วนี้พึงทราบว่าเป็น สมาธาน.
ก็ความไม่ฟุ้งซ่านเป็นลักษณะ การกำจัด
ความฟุ้งซ่านเป็นรส การไม่หวั่นไหวเป็น
ปัจจุปัฏฐาน และมีความสุขเป็นปทัฏฐานของ
สมาธินั้นแล.

ธรรมชาติใด อันพระโยคีบุคคลอบรมอยู่ เจริญอยู่ ฉะนั้น
ธรรมชาตินั้น ชื่อว่า ภาวนา, ภาวนาคือสมาธิ ชื่อว่า สมาธิภาวนา,
อีกอย่างหนึ่ง การอบรมการเจริญซึ่งสมาธิ ชื่อว่า สมาธิภาวนา. ห้าม
ภาวนาอื่นด้วยคำว่า สมาธิภาวนา. ญาณอันสำเร็จด้วยสมาธิภาวนา
ด้วยสามารถแห่งอุปจารสมาธิและอัปปนาสมาธิดุจในก่อน.

4. อรรถกถาธัมมัฏฐิติญาณุทเทส


ว่าด้วย ธรรมฐิติญาณ


ชื่อว่าปัจจัย ในคำนี้ว่า ปจฺจยปริคฺคเห ปญฺญา มีวจนัตถะ
ว่า ผลย่อมอาศัยธรรมนั้นเกิด ฉะนั้น ธรรมนั้นชื่อว่า ปัจจัย.